03 April 2007

๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ “ใต้เบื้องพระยุคลบาท”

๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ “ใต้เบื้องพระยุคลบาท”

หมูบ้านแห่งหนึ่งฝนแล้งนานถึง ๓ ปี แต่เพียงพระองค์เสด็จฯ ผ่านมา ฝนกลับตกอย่างน่าอัศจรรย์

สุเมธ ตันติเวชกุล เลขามูลนิธิชัยพัฒนา เล่าไว้ในหนังสือ “ใต้เบื้องพระยุคลบาท” ว่า ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปยังเขตติดต่อเชียงใหม่ – ลำพูน เสด็จฯ ไปจนกระทั่งสุดทางที่หมูบ้านแห่งหนึ่งที่แม้แต่ราชการหรือนายอำเภอในท้องที่ก็ไม่เคยไปถึง และที่นั่นฝนไม่ตกมา ๓ ปีแล้ว ถนนเต็มไปด้วยฝุ่นดินลูกรัง ทุ่งนาแห้ง แล้งกันดารเกือบจะเป็นทะเลทราย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินไปจนถึงชายเขาซึ่งอยู่ถัดไปจากหมู่บ้าน แล้วจึงมีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำ ณ พื้นที่บริเวณนั้น

เมื่อเสด็จฯ กลับจากทรงงาน ชาวหมู่บ้านแม่ทิที่รู้ข่าวว่าในหลวงเสร็จฯ มา ก็เอาโต๊ะมาตั้ง จัดดอดไม้ จัดขันน้ำมารอรับเสด็จฯ พอพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาถึงบริเวณที่ประชาชนรอเฝ้าฯ อยู่ อากาศร้อนระอุ ซึ่งไม่มีเค้าฝนมาก่อนกลับมีฝนตกลงมาซู่ใหญ่ ชาวบ้านถึงกับโอบพระบาทแล้วร้องไห้ เพราะฝนแล้งติดต่อกันนานถึง ๓ ปี แต่เพียงพระองค์เสด็จฯ ผ่านมา ฝนกลับตกอย่างน่าอัศจรรย์

รอยพระบาทที่ยาตราไปทั่วทุกพื้นที่ของแผ่นดินไทยตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์นั้น ได้นำความร่มเย็น...เป็นสุขมาสู่อาณาประชาราษฎร์จากเหนือจดใต้ ไม่ว่ายอดดอยสูง ป่าลึก หรือพื้นที่ร้อนแล้งกันดาลและหนทางยากลำบากเพียงใด ทรงเสด็จฯ ไปเพื่อผ่อนร้อนผ่อนหนาวให้กับประชาชนของพระองค์อย่างใกล้ชิด

แม้บางครั้งจะมีอันตรายถึงพระชนม์ชีพก็ไม่เคยหวั่นเกรง เช่น เหตุการณ์ก่อการร้ายที่จังหวัดยะลา เดือนกันยายน พ.ศ. 2520 กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้นำระเบิด 2 ลูก ไปว่างไว้ ณ ปะรำพิธีใกล้ลาดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวจะเสด็จฯ ผ่านแต่บังเอิญระเบิด 2 ลูก นั้นเกิดระเบิดขึ้นก่อนที่จะถึงเวลาเสด็จพระราชดำเนินตามที่ผู้ก่อการร้ายได้คาดคำนวณไว้ สะเก็ดระเบิดกระจายไปถูกประชาชนที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ อยู่ได้รับบาดเจ็บรวม 55 คน และในจำนวนนั้นเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 11 คน

เวลาเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎรในต่างจังหวัด พบผู้เจ็บป่วยก็ทรงพระเมตตาไว้เป็นผู้ป่วยในพระราชูปถัมภ์ พระราชทานค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวมถึงค่ากินอยู่อาศัย

นับแต่ปีที่ขึ้นครองราชย์จนถึงปัจจุบัน ประมาณว่ามีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 โครงการ ซึ่งจะทรงศึกษาหาข้อมูลต่างๆ จนทราบถึงแก่นแท้ของปัญหาของราษฎรในพื้นที่เหล่านั้นก่อนพระราชทานแนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีหลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกบริบทชีวิตของประชาชนชาวไทย

นับตั้งแต่ ประเภทการเกษตร, สิ่งแวดล้อม, พัฒนาแหล่งน้ำ, แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย, ปัญหาน้ำท่วม, การคมนาคม, ส่งเสริมอาชีพ, สาธารณสุข ฯลฯ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งพระองค์ท่านทรงสนพระทัยและห่วงใยมากที่สุด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศคือเกษตรกร ซึ่งอาศัย “น้ำ” เป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงทั้งชีวิตและอาชีพ

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแต่ละโครงการนั้น ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์อเนกอนันต์แก่ประชาชนชาวไทย เช่น โครงการปฏิบัติการฝนหลวงนั้น แต่ละปีมีพื้นที่นาและไร่ที่จะได้รับน้ำฝนจากปฏิบัติการฝนหลวงหลายสิบล้านไร่ สร้างผลผลิตทางการเกษตรอย่างมากมายนับไม่ถ้วน

พล.ร.อ. ม.จ. กาฬวรรณดิศ ดิศกุล ร.น. อดีตสมุหราชองครักษ์ ประทานสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ “หนี่งในโลก” ว่า ทุนในการดำเนินการโครงการต่างๆ ที่ทรงริเริ่มขึ้นนั้น พระองค์ท่านทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ด้วยไม่มีพระราชประสงค์ให้เอาเงินงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในตอนริเริ่มโครงการ เพราะหากโครงการนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นการสูญเสียงบประมาณแผ่นดินซึ่งมาจากภาษีอากรของราษฎร จนเมื่อโครงการใดพัฒนาแล้วเกิดผลสำเร็จ และภาครัฐเห็นดีด้วย จึงจะทรงมอบให้รัฐดำเนินการต่อไป

เมื่อปี พ.ศ. 2518 ทรงมีพระราชดำริที่จะใช้ที่ดินซึ่งเป็นที่นาของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40,000 ไร่ โดยจัดปฏิรูปที่ดินเหล่านั้นให้เป็นรูปแบบสหกรณ์ แล้วจึงพระราชทานที่นาดังกล่าวให้แก่รัฐบาลโอนไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินตามกฎหมาย

หากจะคำนวณมูลค่าสินทรัพย์ที่ดินจำนวน 40,000 ไร่ คงยากจะประเมินค่าได้ แต่สำหรับพระบาทสมพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าประโยชน์สุขของราษฎร ดังพระราชดำรัสที่ประทานแก่มหาสมาคมในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ว่า

“การที่คนที่อยู่ดีมีสุขนั้น เป็นการนับที่มูลค่าเงินไม่ได้”

กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรง ‘ครองราชย์’ เท่านั้น แต่ทรง “ครองหัวใจราษฎร์” ทั้งมวล

พระราชกรณียกิจใหญ่น้อยที่เกิดขึ้นตลอดทั้งรัชกาลย่อมแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ชัดว่าทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งเปรียบดังสัญญาที่ทรงสัญญาต่อประชาชน และต่อประเทศชาติ สัญญานั้นมีว่า

“เราจะครองแผ่ดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”







สำหรับผู้ที่สนใจ ๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ สามารถติดตาม
๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ ตอน “พระอัจฉริยภาพ” ได้ในตอนต่อไปค่ะ

1 comment:

Unknown said...

คนไทยโชคดี ที่เกิดมามี ในหลวง
ขอพระองค์จงพระเจริญยิ่งยืนนาน


ปล. นาย Bamboos Of Life นี่เป็นผู้หญิงเหรอ 555

" ... สำหรับผู้ที่สนใจ ๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ สามารถติดตาม ๙ ย่างตามรอยเท้าพ่อ ตอน “พระอัจฉริยภาพ” ได้ในตอนต่อไปค่ะ... "