รู้ไหมครับ วันพรุ่งนี้จะมีคนตายเพิ่มอีก ๑๕๐,๐๐๐ คน ในขณะที่ก่อนจบเที่ยงคืนวันนี้ก็มี
ล่วงหน้าไปแล้วเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่พวกเราไม่รู้เห็นด้วยตาเปล่า แต่เกิดขึ้นจริง และพวกเรา ก็ล้วนสุ่มเสี่ยง ต่อการเป็นหนึ่งในกลุ่มแสนห้าที่ว่า ในวันใดวันหนึ่งด้วย!
ความตายมาถึงแน่ และมัจจุราชคงไม่อาจเอาใจเลือกวันละแสนห้าหมื่นวิธีดีๆ
ให้กับคนตายทุกคนไหว ประเด็นจึงไม่ใช่เลือกตายให้หรู แต่ควรเตรียมใจตายด้วยจิตที่เป็น
กุศล เพื่อความอุ่นใจ เพื่อเป็นประกันว่าหลังความตายอันไม่อาจพยากรณ์วิธีและวันเวลา
นั้น เราจะได้ไม่ต้องเป็นวิญญาณหวนมองย้อนกลับมาเสียดายศักยภาพสร้างบุญสร้างบารมี
ของมนุษย์กัน
ผมอ่านถึงตรงนี้ "เราจะได้ไม่ต้องเป็นวิญญาณ หวนมองย้อนกลับมาเสียดาย ศักยภาพสร้างบุญสร้างบารมี
ของมนุษย์กัน" ผมก็หยุดคิดครู่ใหญ่ เป็นคำกล่าวที่ทำให้ผมได้หยุดคิดได้ ผมทราบความหมายของประโยคนี้เป็นอย่างดี แต่ด้วยภาระทางโลกนั้นมีมากมาย จนทำให้ผม "ลืม" สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่แสนวิเศษ เป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่สามารถ พูด คิด และ กระทำ อันก่อให้เกิดผลอย่างชัดแจ้งได้
ซึ่งถ้ามองในแง่การสร้างบุญบารมีแล้วด้วยนั้น กล่าวได้ว่า มนุษย์ จัดเป็นเพียงสัตว์ประเภทเดียวบนโลกนี้ที่สามารถ สร้างบุญบารมี ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต่างจากสัตว์ประเภทอื่นบนโลกนี้ มากมายเหลือคนานับ เรามีโอกาสเกิดเป็น มนุษย์ ได้สักกี่ครั้ง เราจะให้การเกิดเป็น มนุษย์ ครั้งนี้ของเราเสียเปล่าหรือ เราจะเป็นเพียง วิญญาณ ที่มองย้อนกลับมา และคอยเสียดายความเป็น มนุษย์ หรือ คงต้องหาคำตอบกันเอง
1 comment:
สาธุ...
ชีวิตก็มีแค่นี้เอง นะโยม!
Post a Comment